สาระน่ารู้เกี่ยวกับรถยนต์มีอะไรบ้างเตรียมความพร้อมเสมอ สำหรับรถคันโปรด

สาระน่ารู้เกี่ยวกับรถยนต์

ประกันภัยดีดี.com

สาระน่ารู้เกี่ยวกับรถยนต์ มีอะไรบ้าง เตรียมความพร้อมเสมอ สำหรับรถคันโปรด

ในปัจจุบันนี้  รถยนต์เป็นสิ่งจำเป็นที่ใช้กันเยอะมากเพื่อความสะดวกในการเดินทาง ซึ่งการบำรุงรักษารถคันโปรดของคุณมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เราอาจจะเคยเห็นรถบางคันที่มีอายุพอสมควรแล้ว ทำไม ยังใช้งานได้ดี ผิดกับบางคันที่รถยนต์ยังใหม่อยู่ แต่ก็พบกับปัญหาต่างๆ มากมาย สาเหตุส่วนหนึ่งก็มาจากขาดการดูแลอย่างถูกต้องนั่นเอง สาระน่ารู้เกี่ยวกับรถยนต์ วันนี้ ประกันภัยดีดี รวบรวมข้อมูลที่เข้าใจง่าย กระชับ เพื่อเตรียมความพร้อมเสมอ กับ สาระน่ารู้เรื่องรถ คันโปรดของท่าน ให้ใช้ได้นาน และใหม่อยู่เสมอ การดูแลรักษาตรวจเช็คเครื่องยนต์ด้วยตัวเองถือว่าเป็นสิ่งสำคัญในการยืดอายุการใช้งานรถของคุณ

สารบัญ

สาระน่ารู้เกี่ยวกับรถยนต์

เปลี่ยนสีรถแจ้งภายในกี่วัน สาระน่ารู้เกี่ยวกับรถยนต์ และใช้เอกสารอะไรบ้าง? ประกันภัยดีดีมีคำตอบ

รถยนต์ เมื่อผ่านการใช้งานไปสักระยะเวลาหนึ่ง สีของรถอาจเริ่มซีด จาง ไม่เงางามเหมือนเก่า หลายคนมักจะเลือกใช้วิธีเคลมซ่อมสีรถเก็บริ้วรอยรอบคัน หรือ  การ wrap รถ  ซึ่งบางคนก็ถือโอกาสเปลี่ยนสีรถยนต์ใหม่เลย Content เกี่ยวกับ รถยนต์ เนื่องจากเริ่มเบื่อ รถสีเดิมแล้ว หรือเปลี่ยนสีให้ถูกโฉลกตามความเชื่อของแต่ละคน

ซึ่งการทำสีรถ เปลี่ยนสีรถยนต์ใหม่นั้น ไม่ใช่แค่การขับรถไปร้านซ่อมสี และทำสี เปลี่ยนสี หรือ ร้าน  wrap รถเมื่อเสร็จแล้วก็นำรถมาใช้งานตามปกติแต่ยังมีอีกขั้นตอนที่เจ้าของรถจะต้องดำเนินการนั่นก็คือ การแจ้งเปลี่ยนสีรถ  โดยแจ้งต่อนายทะเบียนที่กรมการขนส่งทางบก  หากไม่แจ้งแล้วถูกเจ้าหน้าที่เรียกตรวจจะถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย ส่วนใครที่ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรหรือใช้เอกสารอะไรบ้าง  ประกันภัยดีดี รวบรวมข้อมูลมาให้ แล้ว

เปลี่ยนสีรถยนต์ ต้องแจ้งต่อนายทะเบียนภายในกี่วัน

การทำสี เปลี่ยนสีรถยนต์ หรือ การ wrap สาระน่ารู้เรื่องรถ รถที่มีการทำให้สีผิดไปจากที่จดทะเบียนไว้ในตอนแรก  โดย พระราชบัญญาติรถยนต์ พ.ศ.2522 มาตรา 13 ระบุไว้ว่า รถใดที่จดทะเบียนแล้ว  หากมีการเปลี่ยนสีรถ เจ้าของรถที่มีหน้าที่ต้องแจ้งต่อนายทะเบียนภายใน 7 วัน นับแต่วันที่เปลี่ยนสีนั้น   หากเกินกำหนด เจ้าของรถ จะมีความผิดตามมาตรา 60 ระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท

นอกจากการเปลี่ยนสีรถยนต์ใหม่แล้ว การต่อเติมแก้ไขดัดแปลงรถ หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของรถให้ผิดไปจากรายการที่จดทะเบียนไว้ เจ้าของรถจะต้องนำรถเข้ารับการตรวจสภาพ และแก้ไขรายละเอียดในเอกสารคู่มือจดทะเบียนรถก่อนนำรถไปใช้งานด้วยเช่นกัน ได้แก่ การติดตั้งโครงหลังคาหรือโครงเหล็กด้านข้างรถ การเปลี่ยนเครื่องยนต์ การเปลี่ยนชนิดเชื้อเพลิง การแก้ไขดัดแปลงตัวถังรถ ระบบรองรับน้ำหนัก เสริม แหนบ ระบบกันสะเทือน ระบบบังคับเลี้ยว หรือระบบขับเคลื่อน เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม การติดตั้งอุปกรณ์ตกแต่งรถหรืออุปกรณ์อำนวยความสะดวกบางชนิด ก็ได้รับการยกเว้นไม่ต้องแจ้งต่อนายทะเบียน เช่น แร็คหลังคา โรลบาร์ สปอยเลอร์ แม็กไลเนอร์ กันชน อุปกรณ์ขนจักรยาน (Bicycle Rack) เป็นต้น  เนื่องจากอุปกรณ์  ดังกล่าวไม่ส่งผลให้สภาพรถเปลี่ยนแปลงไป จึงไม่ถือเป็นการแก้ไขดัดแปลงสภาพรถที่ต้องขออนุญาตกับ กรมการขนส่งทางบก 

หลักฐานที่ใช้ในการแจ้งเปลี่ยนสีรถยนต์

  1. ใบคู่มือจดทะเบียนรถ
  2. ภาพถ่ายบัตรประจำตัวประชาชน
  3. หลักฐานการเปลี่ยนสีรถ เช่น ใบเสร็จรับเงินค่าจ้างทำสี

ขั้นตอนการดำเนินการแจ้งเปลี่ยน มีอะไรบ้าง?  สาระน่ารู้เกี่ยวกับรถยนต์ ประกันภัยดีดี มีคำตอบ

ขั้นตอนการดำเนินการแจ้งเปลี่ยนสีรถยนต์

  • ยื่นคำขอพร้อมหลักฐาน เพื่อขอนำรถเข้ารับการตรวจสอบ
  • ยืนตรวจสอบคำขอพร้อมหลักฐานและผลผ่านการตรวจสอบรถ
  • ชำระค่าธรรมเนียม
  • รอรับเอกสารคืน

ค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการแจ้งเปลี่ยนสีรถยนต์

  • ค่าธรรมเนียมการแจ้งเปลี่ยนสีรถ 50 บาท
  • ค่าดำเนินการตรวจสภาพรถโดยกรมการขนส่งทางบก 50 บาท
  • ค่าคำขอ 5 บาท

ทั้งนี้ เกร็ดความรู้เกี่ยวกับรถยนต์ ใครที่นำรถยนต์ไปทำสี เปลี่ยนสี หรือ wrap สีรถมาใหม่ แล้วยังไม่ได้ทำการแจ้งต่อนายทะเบียน สามารถดำเนินการได้ที่กรมการขนส่งทางบกทุกแห่งทั่วประเทศ จะได้ไม่ผิดกฎหมายและไม่เสียค่าปรับหากถูกเจ้าหน้าที่เรียกตรวจ

ขอบคุณข้อมูลจาก กรมการขนส่งทางบก

สาระน่ารู้เกี่ยวกับรถยนต์

ใบขับขี่ตลอดชีพหาย สาระน่ารู้เกี่ยวกับรถยนต์ ทำใหม่ได้หรือไม่ อย่างไร? ประกันภัยดีดีมีคำตอบ

เมื่อมีรถ ก็ต้องมีใบอนุญาติขับขี่ หรือใบขับขี่  ที่ผ่านมา กรมการขนส่งทางบกไม่มีมาตรการ ยกเลิกหรือบังคับให้เปลี่ยนใบขับขี่ตลอดชีพ (แบบกระดาษ) ให้เป็นใบขับขี่รูปแบบใหม่ (Smart Card) หากเกิดปัญหาใบขับขี่ตลอดชีพหาย ต้องทำอย่างไร  ทริคดีๆ เกี่ยวกับรถยนต์ ประกันภัยดีดี มีคำตอบ

ใบขับขี่ตลอดชีพหาย ทำใหม่ได้ไหม

กรมการขนส่งทางบก แจ้งให้ทราบว่า ใบขับขี่ตลอดชีพหาย สามารถทำใหม่ได้ และยังได้ใบขับขี่ตลอดชีพเหมือนเดิม  แต่ใบขับขี่นั้นจะเปลี่ยนเป็นแบบสมาร์ทการ์ดในปัจจุบัน หรือผู้ที่มีใบขับขี่ตลอดชีพแบบสมาร์ทการ์ด แล้วหายหรือชำรุด เมื่อทำใบขับขี่ใหม่ จะได้ใบขับขี่ตลอดชีพแบบสมาร์ทการ์ด  ซึ่งสามารถนำไปใช้ขับรถในประเทศสมาชิกอาเซียน ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ บรูไน เวียดนาม ลาว พม่า และกัมพูชา  โดยไม่ต้องทำใบขับขี่สากล

ก่อนที่จะขับรถยนต์ สิ่งแรกที่ทุกคนต้องมีก่อนจะออกบนถนนใหญ่นั้น คือ ใบขับขี่ หรือ ใบอนุญาตขับรถ เอกสารที่กรมการขนส่งทางบก ออกให้กับบุคคลหนึ่งเพื่อเป็นหลักฐานว่าบุคคลนั้น เป็นผู้มีคุณสมบัติผ่านการทดสอบสมรรถภาพร่างกาย ทดสอบความรู้ และผ่านการอบรมเกี่ยวกับกฎหมายจราจร รวมถึงมารยาทการใช้รถใช้ถนนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ความรู้เรื่องรถยนต์ 100 กว่าวิธี เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนทดสอบ

ใบขับขี่หรือใบอนุญาตขับรถนั้น ปัจจุบันมีอยู่หลายแบบด้วยกัน สาระน่ารู้เรื่องรถ ใบขับขี่ส่วนบุคคลชนิดชั่วคราว ซึ่งจะมีอายุการใช้งาน 2 ปี และเมื่อถึงกำหนดการต่ออายุใบขับขี่จะได้รับ ใบขับขี่ส่วนบุคคลชนิด 5 ปี และเมื่อครบกำหนดต่ออายุก็จะได้รับใบขับขี่ส่วนบุคคลชนิด 5 ปี เช่นเดิม แต่ก็มีใบขับขี่ชนิดหนึ่งที่ไม่ต้องกังวลเรื่องของวันหมดอายุ หรือต้องคอยมาต่ออายุ นั่นก็คือ ใบขับขี่ตลอดชีพ

ใบขับขี่ตลอดชีพ คืออะไร

“ใบขับขี่ตลอดชีพ” คือ ใบอนุญาตขับรถชนิดหนึ่งที่ไม่มีกำหนด วันหมดอายุ หรือต้องคอยต่ออายุใบขับขี่ใหม่  ซึ่งปัจจุบันใบขับขี่ตลอดชีพถูกยกเลิกการขอใช้งานใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังมีการประกาศพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ 12) พ.ศ.2546 ยกเลิกการออกใบขับขี่ตลอดชีพ เปลี่ยนมากำหนดอายุใบขับขี่เป็นชนิดบุคคล 5 ปี แทน และทุกครั้งที่หมดอายุต้องมาทดสอบสมรรถภาพร่างกายเพื่อต่ออายุใบขับขี่

สาระน่ารู้เกี่ยวกับรถยนต์  ในการขอทำใบขับขี่ตลอดชีพใหม่ กรณีใบขับขี่หายมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง?

ขั้นตอนในการขอทำใบขับขี่ตลอดชีพใหม่ กรณีใบขับขี่ตลอดชีพหาย

การขอใบขับขี่ตลอดชีพใหม่ สามารถติดต่อได้ที่ สำนักงานขนส่งจังหวัดทุกแห่งทั่วประเทศโดยไม่ต้องใช้ใบแจ้งความว่าใบขับขี่หาย ซึ่งกรมขนส่งจะมีประวัติการถือใบขับขี่ของแต่ละบุคคลอยู่แล้ว ว่าเป็นประเภทไหน และไม่ต้องการทำการทดสอบหรือตรวจสอบคุณสมบัติใหม่แต่อย่างใด สาระน่ารู้เรื่องรถ สามารถออกใบขับขี่ตลอดชีพใหม่ได้เลย  ซึ่งผู้ที่ทำใบขับขี่ตลอดชีพหายและต้องการขอใบขับขี่ใหม่ ต้องดำเนินการจองคิวเข้ารับบริการผ่านแอปพลิเคชั่น DLT Smart Queue หรือทำการจองทางเว็บไซต์ gecc.dlt.go.th ของ กรมการขนส่งทางบก และเดินทางไปยังสำนักงานขนส่งตามวันและเวลาที่เลือกไว้

เอกสารที่ต้องใช้ในการทำใบขับขี่ตลอดชีพแทนใบเก่า

  • บัตรประชาชนตัวจริง

ค่าธรรมเนียมในการออกใบขับขี่ใหม่ แทนใบขับขี่ตลอดชีพเก่าที่สูญหาย

  • ค่าธรรมเนียมคำขอ ฉบับละ 5 บาท
  • ค่าธรรมเนียมใบแทนกรณีสูญหายหรือชำรุด 100 บาท (กรณีชาวต่างชาติ ค่าธรรมเนียม 205 บาท)

ยกเว้นค่าธรรมเนียมการถ่ายรูปแบบสมาร์ทการ์ด 100 บาท หากมีการแก้ไขรายการในใบอนุญาตขับรถ เสียค่าธรรมเนียม เพิ่มอีก 50 บาท

ขอบคุณข้อมูลจาก  กรมการขนส่งทางบก

สาระน่ารู้เกี่ยวกับรถยนต์

สาระน่ารู้เกี่ยวกับรถยนต์ การเติมลมยาง ให้ปลอดภัย และเหมาะสมกับรถของคุณอย่างไร

การเติมลมยาง

เป็นสิ่งที่คนใช้รถยนต์จำเป็นต้องทำความเข้าใจ  เนื่องจากรถแต่ละประเภทมีการเติมลมยางที่ไม่เท่ากัน สาระน่ารู้เรื่องรถ  ซึ่งปกติแล้ว การเติมลมยางที่เหมาะสมนั้น สามารถดูได้ที่สติกเกอร์ข้างประตูรถยนต์ หรือในคู่มือที่ทางผู้ผลิตให้มา  แต่สำหรับคนที่ไม่เคยเติมลมยางมาก่อน และอยากจะรู้ว่ารถของคุณควรเติมลมยางเท่าไหร่  วันนี้ ประกันภัยดีดี มี สาระน่ารู้เรื่องรถ การเติมลมยางทั้ง การเติมลมรถเก๋ง ขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ หรือเติมรถกระบะ รวมถึงทำความรู้จักการเติมลมไนโตรเจน ว่ามี ข้อดี และข้อเสียอย่างไร เมื่อเทียบกับการเติมลมธรรมดา

การเติมลมยาง เท่าไหร่จึงจะเหมาะสม

ยางเป็นชิ้นส่วนสำคัญที่คนใช้รถยนต์ ห้ามปล่อยปละละเลยเป็นอันขาด เพราะยางเป็นส่วนประกอบที่ต้องสัมผัสกับพื้นถนนตลอดเวลา นอกจากจะช่วย ยึดเกาะถนนแล้ว ยังสามารถเพิ่มสมรรถนะการขับขี่ ให้กับรถคันโปรดของได้อีกด้วย   ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับประเภทยาง, ขนาด และการเติมลมยางที่เหมาะสม  ดังนั้น  เราจึงควรหมั่นตรวจเช็กสภาพดอกยาง, แก้มยาง และลมยางอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง ในกรณีที่ไม่ค่อยได้ใช้รถ และเดือนละ 1-2 ครั้ง  สำหรับรถที่ใช้งานเป็นประจำทุกวัน  เพื่อเป็นการป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้กับตัวรถและตัวคุณนั่นเอง

  1. แล้วรถของเราควรเติมลมเท่าไหร่?

ปริมาณแรงดังยางสามารถดูได้ที่ตำแหน่งข้างประตูคนขับ  โดยทางผู้ผลิตจะมีสติกเกอร์ ติดเอาไว้เพื่อบอกแรงดันลมยางที่เหมาะสมกับรถคันนั้นๆ  ซึ่งหน่วยของแรงดันลมยางในประเทศไทย จะเรียกว่า PSI หรือ Pound per Square inche (ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) เป็นหน่วยมาตรฐานในเครื่องปั้มลมทั่วประเทศ

  1. จะเกิดอะไรขึ้น  หากลมยางอ่อน หรือแข็งเกินไป
  • ลมยางอ่อนเกินไป ผู้ขับอาจรู้สึกว่าช่วงล่างนุ่ม ไม่กระด้าง แต่เมื่อลมยางอ่อนเกินไปจะทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักกว่าปกติ เปลืองน้ำมันมากขึ้น  หากขับในความเร็วสูงและเข้าโค้งจะรู้สึกว่าช่วงล่างย้วย ไม่นิ่ง มีอาการโยนตัว และเสี่ยงต่อการระเบิดของยาง  เนื่องจากเมื่อเกิดความร้อน ลมยางจะขยายตัว
  • ลมยางแข็งเกินไป  ในกรณีที่เติมลมยางมากหรือแข็งเกินไป รถยนต์จะออกตัวได้ดีกว่าการเติมลมยางอ่อนก็จริง แต่ประสิทธิภาพในการขับขี่ลดลง ยางเกาะถนนน้อยลง ทั้งบนทางตรงและทางโค้ง การเบรคจะต้องใช้ระยะที่มากขึ้น และดอกยางตรงกลางจะเสื่อมเร็วกว่าบริเวณข้างๆ เนื่องจากเป็นส่วนที่สัมผัสพื้นถนนมากกว่า ไม่หมดเพียงเท่านั้น  หากลมยางแข็ง ยังเสี่ยงกับการระเบิดของยางเมื่อขับผ่านหลุมและบ่อบนถนนอีกด้วย
  1. เติมลมรถเก๋ง
  • รถเก๋ง ขนาดเล็ก ปริมาณลมยางที่เหมาะสม คือ 25-30 PSI
  • รถเก๋ง ขนาดกลาง และรถ SUVปริมาณลมยางที่เหมาะสม คือ 30-35 PSI
  1. เติมลมรถกระบะ
  • รถกระบะ ปริมาณลมยางที่เหมาะสม คือ 35-45 PSI(ขึ้นอยู่กับการใช้งาน และการบรรทุกสิ่งของ)
  1. เติมลมไนโตรเจน ดีอย่างไร?

ลมยางไนโตรเจน  คือลมยางที่เป็นแก๊สเพียงอย่างเดียว (ผ่านการคัดเอาออกซิเจนและชื้นออกไปทั้งหมด) โดยลมยางไนโตรเจนประกอบด้วยไนโตรเจนมากกว่า 93% และเป็นไนโตรเจนที่มีไอน้ำปนอยู่น้อยหรือแทบไม่มีเลย อีกทั้งยังมีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิน้อย ทำให้เกิดการขยายตัวน้อยกว่า โอกาสการระเบิดของยางจึงน้อยตามลงไป

ข้อดีของลมยางไนโตรเจน

  • ขับขี่ได้นุ่มนวลกว่าการเติมลมยางธรรมดา เพราะแรงดันคงที่
  • แรงดันลมยางรั่วซึมได้น้อยลงหรือแทบไม่มีเลย
  • โอกาสยางระเบิดน้อย
  • ไม่ต้องเติมลมยางบ่อย

โดยสรุปแล้ว  การเติมลมไนโตรเจน เป็นการลงทุนที่ค่อนข้างคุ้มค่า เหมาะสำหรับคนที่ขับขี่รถค่อนข้างเร็ว หรือคนที่ไม่เดือดร้อนเรื่องค่าใช้จ่าย และต้องการยืดอายุยาง รวมถึงต้องการให้สมรรถนะการขับขี่ดียิ่งขึ้น  แต่เนื่องจากเครื่องเติมลมในปั๊มเป็นเครื่องเดิมลมแบบธรรมดา ถ้าอยากเติมลมไนโตรเจนจึงต้องพึ่งพา บริการร้านยางหรืออู่รถยนต์แทน  ซึ่งราคาเริ่มต้นสำหรับการเติมลมไนโตรเจนจะอยู่ที่ประมาณ 100 บาท แต่ข้อสังเกตคือ การเติมลมไนโตรเจน จำเป็นต้องเอาลมยางธรรมดาออกก่อนทั้งหมด  จึงทำการเติมลมไนโตรเจนเข้าไปทดแทน และเมื่อคุณเติมลมยางไนโตรเจนแล้ว จะไม่สามารถผสมใช้กับลมธรรมดาได้  เนื่องจากทำให้ลมไนโตรเจนในยางกลายเป็นลมธรรมดาไปแทน หากเกิดการผสมกัน ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเครื่องยนต์ เพิ่มเติมได้ ที่นี่

สรุป 

สาระน่ารู้เกี่ยวกับรถยนต์ การดูแลรถยนต์ ช่วยยืดอายุการใช้งาน ได้นาน และ ใช้รถด้วยความมั่นใจ ปลอดภัยทุกครั้ง ใส่ใจใน ทุกๆ รายละเอียด ความรู้เกี่ยวกับเครื่องยนต์ ระบบต่างๆ ของรถยนต์

ของเรื่องดีๆ ที่ไม่ได้มองข้าม สาระน่ารู้เรื่องรถ จะมีข้อสำคัญในการใส่ใจดูแลหลักๆ ที่กล่าวมา ไม่ว่า จะเป็นเรื่องการเปลี่ยนสีรถ การเติมลม หรือการตรวจสอบยางรถให้ได้เหมาะสมกับรถของท่าน หรือ ในมุมมองความคิด บางท่าน ก็จะละเอียดอ่อนในการดูแลรถคันโปรด ก็จะ นึกถึงความสำคัญทุกๆ จุด ในแต่ละข้อ รวมๆ กัน ของรถคันโปรด เพื่อให้คงสภาพใหม่เสมอ นั่นก็จะเป็นสิ่งที่ดี ในการเอาใจใส่ดูแลตลอดเวลา ติดต่อเราที่นี่ เพียงเท่านี้ คุณผู้หญิงทั้งหลายก็จะมีความรู้มากพอที่จะดูแลรถคันโปรด ได้ด้วยตัวเอง นอกจากนี้จะต้องคอยสังเกตอาการของรถเอาเอง ซึ่งถ้าขับบ่อยๆ ก็จะรู้สึกได้เองถึงความผิดปกติของรถ และเมื่อตัวคุณพร้อม รถพร้อมคุณก็จะใช้รถใช้ถนนได้อย่างปลอดภัย ส่วนเรื่องเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เหนือการควบคุม ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ ประกันรถยนต์ ที่รู้ใจ ให้ความอบอุ่น มั่นใจ ในการดูแลรถคันโปรด มีความพร้อมทำให้คุณ มั่นใจปลอดภัยตลอดการเดินทาง  อู่ในเครือ ทั่วประเทศไทย

คำถามที่พบบ่อย

รถยนต์เป็นสิ่งจำเป็นที่ใช้กันเยอะมากเพื่อความสะดวกในการเดินทาง ซึ่งการบำรุงรักษารถคันโปรดของคุณมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เราอาจจะเคยเห็นรถบางคันที่มีอายุพอสมควรแล้ว ทำไม ยังใช้งานได้ดี ผิดกับบางคันที่รถยนต์ยังใหม่อยู่ แต่ก็พบกับปัญหาต่างๆ มากมาย สาเหตุส่วนหนึ่งก็มาจากขาดการดูแลอย่างถูกต้องนั่นเอง สาระน่ารู้เกี่ยวกับรถยนต์ วันนี้ ประกันภัยดีดี รวบรวมข้อมูลที่เข้าใจง่าย กระชับ เพื่อเตรียมความพร้อมเสมอ กับ สาระน่ารู้เรื่องรถ คันโปรดของท่าน ให้ใช้ได้นาน และใหม่อยู่เสมอ การดูแลรักษาตรวจเช็คเครื่องยนต์ด้วยตัวเองถือว่าเป็นสิ่งสำคัญในการยืดอายุการใช้งานรถของคุณ

เปลี่ยนสีรถยนต์ ต้องแจ้งต่อนายทะเบียนภายในกี่วัน

การทำสี เปลี่ยนสีรถยนต์ หรือ การ wrap สาระน่ารู้เรื่องรถ รถที่มีการทำให้สีผิดไปจากที่จดทะเบียนไว้ในตอนแรก  โดย พระราชบัญญาติรถยนต์ พ.ศ.2522 มาตรา 13 ระบุไว้ว่า รถใดที่จดทะเบียนแล้ว  หากมีการเปลี่ยนสีรถ เจ้าของรถที่มีหน้าที่ต้องแจ้งต่อนายทะเบียนภายใน 7 วัน นับแต่วันที่เปลี่ยนสีนั้น   หากเกินกำหนด เจ้าของรถ จะมีความผิดตามมาตรา 60 ระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท

การเติมลมยาง เท่าไหร่จึงจะเหมาะสม

ยางเป็นชิ้นส่วนสำคัญที่คนใช้รถยนต์ ห้ามปล่อยปละละเลยเป็นอันขาด เพราะยางเป็นส่วนประกอบที่ต้องสัมผัสกับพื้นถนนตลอดเวลา นอกจากจะช่วย ยึดเกาะถนนแล้ว ยังสามารถเพิ่มสมรรถนะการขับขี่ ให้กับรถคันโปรดของได้อีกด้วย   ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับประเภทยาง, ขนาด และการเติมลมยางที่เหมาะสม  ดังนั้น  เราจึงควรหมั่นตรวจเช็กสภาพดอกยาง, แก้มยาง และลมยางอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง ในกรณีที่ไม่ค่อยได้ใช้รถ และเดือนละ 1-2 ครั้ง  สำหรับรถที่ใช้งานเป็นประจำทุกวัน  เพื่อเป็นการป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้กับตัวรถและตัวคุณนั่นเอง

แล้วรถของเราควรเติมลมเท่าไหร่?

ปริมาณแรงดังยางสามารถดูได้ที่ตำแหน่งข้างประตูคนขับ  โดยทางผู้ผลิตจะมีสติกเกอร์ ติดเอาไว้เพื่อบอกแรงดันลมยางที่เหมาะสมกับรถคันนั้นๆ  ซึ่งหน่วยของแรงดันลมยางในประเทศไทย จะเรียกว่า PSI หรือ Pound per Square inche (ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) เป็นหน่วยมาตรฐานในเครื่องปั้มลมทั่วประเทศ

จะเกิดอะไรขึ้น  หากลมยางอ่อน หรือแข็งเกินไป

  • ลมยางอ่อนเกินไป ผู้ขับอาจรู้สึกว่าช่วงล่างนุ่ม ไม่กระด้าง แต่เมื่อลมยางอ่อนเกินไปจะทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักกว่าปกติ เปลืองน้ำมันมากขึ้น  หากขับในความเร็วสูงและเข้าโค้งจะรู้สึกว่าช่วงล่างย้วย ไม่นิ่ง มีอาการโยนตัว และเสี่ยงต่อการระเบิดของยาง  เนื่องจากเมื่อเกิดความร้อน ลมยางจะขยายตัว
  • ลมยางแข็งเกินไป  ในกรณีที่เติมลมยางมากหรือแข็งเกินไป รถยนต์จะออกตัวได้ดีกว่าการเติมลมยางอ่อนก็จริง แต่ประสิทธิภาพในการขับขี่ลดลง ยางเกาะถนนน้อยลง ทั้งบนทางตรงและทางโค้ง การเบรคจะต้องใช้ระยะที่มากขึ้น และดอกยางตรงกลางจะเสื่อมเร็วกว่าบริเวณข้างๆ เนื่องจากเป็นส่วนที่สัมผัสพื้นถนนมากกว่า ไม่หมดเพียงเท่านั้น  หากลมยางแข็ง ยังเสี่ยงกับการระเบิดของยางเมื่อขับผ่านหลุมและบ่อบนถนนอีกด้วย

เติมลมรถเก๋ง

  • รถเก๋ง ขนาดเล็ก ปริมาณลมยางที่เหมาะสม คือ 25-30 PSI
  • รถเก๋ง ขนาดกลาง และรถ SUVปริมาณลมยางที่เหมาะสม คือ 30-35 PSI

เติมลมรถกระบะ

รถกระบะ ปริมาณลมยางที่เหมาะสม คือ 35-45 PSI (ขึ้นอยู่กับการใช้งาน และการบรรทุกสิ่งของ)